ตามที่ได้เคยเขียนไปแล้วว่า คนจะสร้างบ้านจะมี 3 ประเภท โดยไม่นับที่ซื้อบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ได้แก่
1. การซื้อบ้านจากโครงการบ้านจัดสรร แบบทำสัญญาก่อนสร้าง (ไม่ใช่สร้างเสร็จก่อนขาย)
2. การใช้บริการบริษัทร้บสร้างบ้านบนที่ดินคุณเอง โดยบริษัทฯพวกนี้ก็จะทั้งออกแบบ จัดการทุกอย่าง รวมถึงก่อสร้างด้วย
3. การหาสถาปนิกและวิศวกรออกแบบ (หรือหาแบบบ้านที่ตัวเองชอบมาโมดิฟาย) เสร็จแล้วจึงจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างมาสร้าง
ใครเหมาะกับการใช้วิธีใด จริงๆก็พอมีแนวทางนะครับ
หากคนที่มีงบประมาณที่ค่อนข้างตายตัว ไม่อยากบานปลาย ไม่อยากมีปัญหาจุกจิก และอยากให้กู้ธนาคารผ่านง่าย และอยากได้บ้านทีอยู่ในหมู่บ้านเป็นกิจลักษณะ มีระบบรักษาความปลอดภัยดี มีสโมสร ฯลฯ ก็แนะนำการสร้างบ้านประเภทที่ 1 (บ้านจัดสรร)
คนที่มีงประมาณที่ยืดหยุ่น คืออาจจะเตรียมไว้ 3 ล้าน และอาจจะเลยไปได้ถึง 3.5 หรือ 4 ล้าน และอยากได้บ้านที่ตัวเองชอบ ไม่ต้องจำกัดอยู่แค่บ้านสองสามแบบ (หากไปซื้อบ้านจัดสรร) และมีความรู้เรื่องงานก่อสร้างอยู่บ้างพอที่จะต่อกร ต่อรอง กับบริษัทรับสร้างบ้านได้ ก็แนะนำให้เลือกประเภทที่ 2 (บริษัทรับสร้างบ้าน)
คนที่มีงบประมาณยืดหยุ่นหน่อย พร้อมที่จะควักเงินเพิ่มได้หากจำเป็นและต้องการออกแบบบ้านให้ตรงกับที่ตัวเองต้องการ และมีความรู้เรื่องการก่อสร้าง หรือมีคนที่มีความรู้ด้านการก่อสร้างมาช่วยดูแล ก็อาจจะเลือกประเภทที่ 3 (จ้างผู้ออกแบบ และผู้รับเหมาก่อสร้าง)
ถ้าจะให้ฟันธงอีกนิดผมก็จะบอกว่า (อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ)
ถ้าเป็นคนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือน มีเงินเดือนตายตัว ไม่ได้มีเงินเก็บมาก ต้องกู้เงินมาสร้างงานแล้วล่ะก็ ผมแนะนำให้ซื้อบ้านในหมู่บ้านดีีที่สุด บางคนบอกว่าซื้อบ้านในหมู่บ้านแพงโดยใช่เหตุ เพราะเราไม่ได้ใช้สาธารณูปโภคมากมาย เราแยกอยู่คนเดียวดีกว่า ไม่ต้องไปแพงค่าถนน ค่าสโมสร ผมบอกได้เลยว่า "ถ้าคิดเรื่องความถูกแพง บ้านในหมู่บ้านไม่ได้แพงกว่าข้างนอก" คือถ้าคิดราคาตั้งต้นอาจะดูเหมือนแพง เช่น บ้านราคา 5 ล้าน ในขณะที่ราคานี้หากไปซื้อที่ดินเปล่าแล้วสร้างบ้าน ก็จะได้บ้านหลังใหญ่กว่า ผมบอกเลยว่าไม่จริง เพราะ 5 ล้านหากไปจ้างบริษัทรับสร้างบ้านสร้าง (รวมค่าที่ดินด้วย) ก็จะได้ขนาดไม่ต่างจากในหมู่บ้าน เพราะอะไรเหรอครับ เพราะราคาค่าก่อสร้างของบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ ราคาค่อนข้างจะสูง แถมมีสิทธิงบบานปลาย กำลังจะเริ่มก่อสร้างต้องมีเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ ซึ่งพอเราจะเปลี่ยนเค้าก็จะคิดค่าเปลี่ยนแพงมาก ไว้จะเล่ารายละเอียดต่อให้ฟังในตอนที่เขียนเรื่องบริษัทร้บสร้างบ้าน (อันนี้เจอมากับตัวเองเมื่อเร็วๆนี้ ยังเคืองไม่หาย)
ถ้าเป็นคนที่มีเงินเก็บอยู่พอสมควร เช่น 30-50 % ของราคาบ้าน ก็อาจจะใช้บริการบริษัทร้บสร้างบ้านหรือผู้รับเหมาก่อสร้างได้ เนื่องจากได้เตรียมเองงบประมาณส่วนี่อาจจะบานปลายไว้แล้ว ต้องยอมรับว่าการที่ใช้บริษัทรับสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมามาสร้าง มันได้บ้านอย่างที่เราต้องการดี เพราะเหมือนวัดตัวตัด รูปแบบ พื้นที่ ฟังก์ชั่นของบ้านจะเหมาะสมกับผู้อยู่ศัย แต่ก็ต้องและมากับการปวดหัวระหว่างการก่อสร้าง (จากการที่กลัวจะโดนผู้รับเหมาก่อสร้างฟันกำไรเกินควร)
ไว้จะมาเขียนต่อตอนต่อไปนะครับ
Infrastructure & Construction
26 September 2011
ก่อสร้างบ้านอย่างไรไม่ให้เครียด #1
คนโดยทั่วไปจะมีโอกาสได้สร้างหรือซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ที่จะอยู่จริงๆเองคงจะไม่กี่ครั้งในชีวิต ส่วนใหญ่อาจจะครั้งเดียวด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะเมื่อสร้างบ้านที่จะอยู่เอง ก็มักจะมีความหวัง มีความคาดหวัง อยากจะได้บ้านที่ดี บ้านที่อยู่สบาย อยู่แล้วเย็น มีความสุข
แต่ปัญหาคือ "ความเครียดระหว่างการก่อสร้าง" มันทำให้บ้านที่เราคาดหวังว่าจะอยู่แล้วสบาย อยู่แล้วเย็น กลับทำให้ชีวิตเรามีแต่เรื่อง "ร้อนๆ" ระหว่างหลายเดือนที่ต้องสร้างบ้าน
คนที่ใช้วิธีซื้อบ้านสำเร็จรูป แบบสร้างเสร็จก่อนขายนี่คงจะสบายใจหน่อย เพราะเห็นรูปร่างหน้าตาและได้สัมผัสก่อนที่จะซื้อ จริงๆผมก็แนะนำนะครับแบบนี้ถ้าจะเอาสบายใจไม่เครียด หากถูกใจก็ตัดสินใจ หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องทะเลาะกับเจ้าของโครงการระหว่างกำลังสร้าง
สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นคำแนะนำสำหรับคนที่จะสร้างบ้านโดยที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่แรก มีแต่พื้นดินเปล่าๆ เผลอๆมีแต่พื้นดินที่ยังไม่ได้ถม ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ประเภท ได้แก่
1. การซื้อบ้านจากโครงการบ้านจัดสรร แบบทำสัญญาก่อนสร้าง (ไม่ใช่สร้างเสร็จก่อนขาย)
2. การใช้บริการบริษัทร้บสร้างบ้านบนที่ดินคุณเอง โดยบริษัทฯพวกนี้ก็จะทั้งออกแบบ จัดการทุกอย่าง รวมถึงก่อสร้างด้วย
3. การหาสถาปนิกและวิศวกรออกแบบ (หรือหาแบบบ้านที่ตัวเองชอบมาโมดิฟาย) เสร็จแล้วจึงจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างมาสร้าง
ทั้งสามพวกนี้ล้วนแต่ต้องเจอกระบวนการก่อสร้างที่เต็มไปด้วยความเครียด ความกังวล ความเสียดาย ความโกรธ ความร้อนใจ คิดวนแล้ววนอีกว่าโดนเอาเปรียบหรือไม่ บางคนหน้าแก่ไปเลยก็มีแค่เจ็ดแปดเดือน ผมเคยเจอคนที่ถึงกับป่วยไปเลยจากความทุกข์ในช่วงนี้
ผมเขื่อว่าอาการนี้เกิดกับทุกคน ยกเว้นคนที่มีฐานะดีจนไม่ต้องคิดมากเรื่องการใช้เงิน !!!!!
ผมอยากจะแนะนำขั้นตอน และจุดสำคัญๆที่จะช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างเราเครียดและกังวลน้อยลง และมีความสุขกับกระบวนการก่อสร้างมากขึ้น
ก่อนอื่นผมจะบอกก่อนเลยว่าธุรกิจก่อสร้างเป็นธุรกิจแห่งการทะเลาะกัน เป็นธุรกิจที่การตัดสินใจแต่ละครั้งหมายถึงเงินหลักหลายหมื่น หรือหลักแสน หลักล้าน เช่น สมมติว่าคุณจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน และในตอนทำสัญญา บริษัทให้คุณตัดสินใจว่าคุณจะเลือกใช้เสาเข็มตอก หรือเสาเข็มเจาะ โดยเสาเข็มตอกถูกกว่าแต่อาจจะทำให้บ้านข้างเคียงสะเทือน ในขณะที่เสาเข็มเจาะแพง แต่ไม่สะเทือน
หากที่ดินคุณมีบ้านข้างเคียงแล้วบริษัทก่อสร้างแนะนำให้คุณใช้เสาเข็มตอก โดยบอกว่าประหยัด หรือบอกว่าทำมาเยอะแล้วไม่มีปัญหา หากคุณได้รับการแนะนำหรือบอกเล่าเช่นนี้ "ผมบอกได้เลยว่าคุณกำลังถูกวางกับดัก" เพราะในทางปฏิบัติ ถึงเวลาก่อสร้างจริง ไม่คุณกลัวข้างบ้านเสียหาย ข้างบ้านก็จะไม่ยอมให้คุณใช้เสาเข็มตอกแน่นอน สุดท้ายก็จะต้องเปลี่ยน แล้วทีนี้ก็เป็นจุดที่บริษัทฯจะมาฟันคุณหัวแบะ หากคุณไม่รู้เรื่อง เช่น แทนที่คุณจะเพิ่มเงินแค่แสน คุณก็อาจจะถูกเรียกสองแสน (เจอมาแล้ว บริษัทรับสร้างบ้านขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงเสียด้วย)
เห็นไหมว่าการตัดสินใจนิดเดียวตอนต้น ทำให้คุณเสียเงินมากขึ้น 2 แสน ซึ่งเป็นการจ่ายเกินราคาไป 1 แสน ตัวเบาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อคุณเจอครั้งเดียวคุณก็จะรู้แล้วว่ากำลังจะมีกับดัก กับระเบิดฝังอยู่ตามจุดต่างๆในงานก่อสร้างอีกไม่รู้เท่าไร
แต่ปัญหาแบบนี้ป้องกันได้ครับ ผมเน้นนะครับว่า "ป้องกัน" ไม่ใช่แก้ไข เพราะหากปล่อยให้ปัญหาเกิดแล้วรับรองว่าแก้ไขลำบาก ต้องมีการแตกหักไปข้าง แล้วคุณก็จะตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ เพราะคุณก็กลัวบริษัทจะไม่ทำงานต่อ คุณก็จะยุ่งยากเข้าไปใหญ่ สุดท้ายคุณก็จะยอมเค้า ถูกเอาเปรียบ
ประเด็นคือ ทำอย่างไรไม่ให้โดนเอาเปรียบ ป้องกันอย่างไร
ไว้มาเขียนต่อครับ
แต่ปัญหาคือ "ความเครียดระหว่างการก่อสร้าง" มันทำให้บ้านที่เราคาดหวังว่าจะอยู่แล้วสบาย อยู่แล้วเย็น กลับทำให้ชีวิตเรามีแต่เรื่อง "ร้อนๆ" ระหว่างหลายเดือนที่ต้องสร้างบ้าน
คนที่ใช้วิธีซื้อบ้านสำเร็จรูป แบบสร้างเสร็จก่อนขายนี่คงจะสบายใจหน่อย เพราะเห็นรูปร่างหน้าตาและได้สัมผัสก่อนที่จะซื้อ จริงๆผมก็แนะนำนะครับแบบนี้ถ้าจะเอาสบายใจไม่เครียด หากถูกใจก็ตัดสินใจ หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องทะเลาะกับเจ้าของโครงการระหว่างกำลังสร้าง
สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นคำแนะนำสำหรับคนที่จะสร้างบ้านโดยที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่แรก มีแต่พื้นดินเปล่าๆ เผลอๆมีแต่พื้นดินที่ยังไม่ได้ถม ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ประเภท ได้แก่
1. การซื้อบ้านจากโครงการบ้านจัดสรร แบบทำสัญญาก่อนสร้าง (ไม่ใช่สร้างเสร็จก่อนขาย)
2. การใช้บริการบริษัทร้บสร้างบ้านบนที่ดินคุณเอง โดยบริษัทฯพวกนี้ก็จะทั้งออกแบบ จัดการทุกอย่าง รวมถึงก่อสร้างด้วย
3. การหาสถาปนิกและวิศวกรออกแบบ (หรือหาแบบบ้านที่ตัวเองชอบมาโมดิฟาย) เสร็จแล้วจึงจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างมาสร้าง
ทั้งสามพวกนี้ล้วนแต่ต้องเจอกระบวนการก่อสร้างที่เต็มไปด้วยความเครียด ความกังวล ความเสียดาย ความโกรธ ความร้อนใจ คิดวนแล้ววนอีกว่าโดนเอาเปรียบหรือไม่ บางคนหน้าแก่ไปเลยก็มีแค่เจ็ดแปดเดือน ผมเคยเจอคนที่ถึงกับป่วยไปเลยจากความทุกข์ในช่วงนี้
ผมเขื่อว่าอาการนี้เกิดกับทุกคน ยกเว้นคนที่มีฐานะดีจนไม่ต้องคิดมากเรื่องการใช้เงิน !!!!!
ผมอยากจะแนะนำขั้นตอน และจุดสำคัญๆที่จะช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างเราเครียดและกังวลน้อยลง และมีความสุขกับกระบวนการก่อสร้างมากขึ้น
ก่อนอื่นผมจะบอกก่อนเลยว่าธุรกิจก่อสร้างเป็นธุรกิจแห่งการทะเลาะกัน เป็นธุรกิจที่การตัดสินใจแต่ละครั้งหมายถึงเงินหลักหลายหมื่น หรือหลักแสน หลักล้าน เช่น สมมติว่าคุณจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน และในตอนทำสัญญา บริษัทให้คุณตัดสินใจว่าคุณจะเลือกใช้เสาเข็มตอก หรือเสาเข็มเจาะ โดยเสาเข็มตอกถูกกว่าแต่อาจจะทำให้บ้านข้างเคียงสะเทือน ในขณะที่เสาเข็มเจาะแพง แต่ไม่สะเทือน
หากที่ดินคุณมีบ้านข้างเคียงแล้วบริษัทก่อสร้างแนะนำให้คุณใช้เสาเข็มตอก โดยบอกว่าประหยัด หรือบอกว่าทำมาเยอะแล้วไม่มีปัญหา หากคุณได้รับการแนะนำหรือบอกเล่าเช่นนี้ "ผมบอกได้เลยว่าคุณกำลังถูกวางกับดัก" เพราะในทางปฏิบัติ ถึงเวลาก่อสร้างจริง ไม่คุณกลัวข้างบ้านเสียหาย ข้างบ้านก็จะไม่ยอมให้คุณใช้เสาเข็มตอกแน่นอน สุดท้ายก็จะต้องเปลี่ยน แล้วทีนี้ก็เป็นจุดที่บริษัทฯจะมาฟันคุณหัวแบะ หากคุณไม่รู้เรื่อง เช่น แทนที่คุณจะเพิ่มเงินแค่แสน คุณก็อาจจะถูกเรียกสองแสน (เจอมาแล้ว บริษัทรับสร้างบ้านขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงเสียด้วย)
เห็นไหมว่าการตัดสินใจนิดเดียวตอนต้น ทำให้คุณเสียเงินมากขึ้น 2 แสน ซึ่งเป็นการจ่ายเกินราคาไป 1 แสน ตัวเบาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อคุณเจอครั้งเดียวคุณก็จะรู้แล้วว่ากำลังจะมีกับดัก กับระเบิดฝังอยู่ตามจุดต่างๆในงานก่อสร้างอีกไม่รู้เท่าไร
แต่ปัญหาแบบนี้ป้องกันได้ครับ ผมเน้นนะครับว่า "ป้องกัน" ไม่ใช่แก้ไข เพราะหากปล่อยให้ปัญหาเกิดแล้วรับรองว่าแก้ไขลำบาก ต้องมีการแตกหักไปข้าง แล้วคุณก็จะตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ เพราะคุณก็กลัวบริษัทจะไม่ทำงานต่อ คุณก็จะยุ่งยากเข้าไปใหญ่ สุดท้ายคุณก็จะยอมเค้า ถูกเอาเปรียบ
ประเด็นคือ ทำอย่างไรไม่ให้โดนเอาเปรียบ ป้องกันอย่างไร
ไว้มาเขียนต่อครับ
19 December 2009
ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.52 ได้ไปบรรยายร่วมกับ ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ เมืองน้อย ในเรื่อง แนวคิดและโครงสร้างระบบงบประมาณแบบมุ้งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ของสำนักงบประมาณ ซึ่งได้รับเกียรติจาก ท่านอธิการบดี รองอธิการบดี ผู้บริหารคณะและภาควิชาหลายท่านมาร่วมฟังและแสดงความคิดเห็น
ดู powerpoint ของการบรรยายวันนั้นได้ที่นี่ครับ
http://www.kmutt.ac.th/pd/files/Three%20Forum_17Dec09.ppt
ดู powerpoint ของการบรรยายวันนั้นได้ที่นี่ครับ
http://www.kmutt.ac.th/pd/files/Three%20Forum_17Dec09.ppt
Subscribe to:
Posts (Atom)