30 September 2007

เวียดนาม โฮจิมินห์ หวุ๋งเต่า



เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีโอกาสไปเวียดนามเพื่อสอนหนังสือให้กับนักศึกษาคนเวียดนาม ณ นครโฮจิมินห์ และเมืองหวุ๋งเต่า โดยเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปประเทศเวียดนาม


ก่อนหน้านี้ได้เคยได้ยินเรื่องต่างๆเกี่ยวกับประเทศเวียดนามเยอะมาก ไล่ตั้งแต่อาหารเวียดนาม คนเวียดนาม ประวัติศาสตร์ การเมือง การศึกษา เศรษฐกิจ ฯลฯ

หลังจากกลับมาจากเวียดนามพอเจอใคร เกือบทุกคนจะถามคำถามเดียวกันว่า เป็นยังไงบ้าง ที่เค้าว่าเวียดนามจะเป็นคู่แข่ง จะแซงประเทศไทย ในอีกไม่ช้านี่ จริงรึเปล่า

คำตอบจากปากของผมทุกครั้งคือ "จริง" (แต่คิดในใจ จะจริงหรือไม่ไม่ได้อยู่กับประเทศเวียดนาม แต่อยู่กับพวกเราเอง)

สิ่งที่ได้อย่างมากจากการไปเวียดนามครั้งนี้คือการได้ไปรู้จักนิสัยใจคอ รู้จักวัฒนธรรมการทำงาน วัฒนธรรมการเรียนรู้ และวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน ของคนเวียดนาม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งบ่งบอกศักยภาพของคน และศักยภาพของประเทศ
คนเวียดนามมีประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ยาวนาน ถูกรุกรานต้องตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศต่างๆทั้ง จีน มองโกล ฝรั่งเศส และเกิดสงครามหนักๆหลายรอบ กับประเทศมหาอำนาจหลายประเทศ ดังนั้นคนเวียดนามจึงมีสายเลือกนักสู้อย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะที่สอนนั้น ผมได้ให้โจทย์เพื่อให้นักเรียนในห้อง (ซึ่งเป็นคนทำงาน อายุเฉลี่ยประมาณ 35 ปี) ได้คุยกันเองในกลุ่ม มีการถกเถียงกันเพื่อให้ได้ข้อสรุป แล้วออกมานำเสนอผลต่อเพื่อนๆหน้าห้อง

ปรากฎว่าผมเห็นนักเรียนเวียดนามนั่งคุยกัน ถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หน้าดำหน้าแดง จนเวลาผ่านไปเริ่มได้ข้อสรุป แล้วออกมาอภิปรายหน้าชั้น

มีกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกประทับใจ ในกลุ่มนี้หัวหน้ากลุ่มได้กำหนดให้มีการแบ่งกลุ่มย่อยเป็น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มก็ไปหาข้อสรุปจากโจทย์เดียวกัน เมื่อแต่ละกลุ่มย่อยหาข้อสรุปแล้วก็จะนำข้อสรุปสองกลุ่มนี้มาเปรียบเทียบและถกเถียงกัน และของใครดีกว่าก็จะได้เป็นตัวแทนไปนำเสนอ
เมื่อมีการอภิปรายหน้าห้องก็มีการนำเสนอและมีการถกเถียงกันอีกระหว่างกลุ่ม ในประเด็นที่มีความเห็นขัดแย้งกัน จนกระทั่งได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นด้วย และยอมรับเหตุผลซึ่งกันและกัน
ผมเคยทดลองวิธีการอย่างนี้กับห้องเรียนที่ผมสอน ในประเทศไทย ปรากฎว่าบรรยากาศของการถกเถียง การเรียนรู้อย่างจริงๆ มีโอกาสเกิดได้น้อยมากถึงมากที่สุด
ผมเชื่อว่าวัฒนธรรมการเรียนรู้ วัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน วัฒนธรรมการถกเถียง (ในเรื่องงาน) เป็นสิ่งที่ดี และต้องสร้างให้เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ทรัพยากรมนุษย์ของเราสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้มากขึ้นอีก
และเราก็จะไม่ต้องกลัว ไม่ต้องถามอีกว่า เวียดนามเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวจริงหรือ จะแซวประเทศไทยแล้วจริงหรือ
หวังว่าคราวหน้าผมไปเวียดนาม กลับมา คงจะไม่ได้ยินคำถามในลักษณะนี้อีก !!